การทำงานในพื้นที่อับอากาศ (Confined Space) เป็นหนึ่งในงานที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในด้านความปลอดภัยในการทำงาน เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้มักมีปริมาณออกซิเจนต่ำ หรือมีสารปนเปื้อนทางอากาศที่เป็นอันตราย เช่น ก๊าซพิษ หรือสารไวไฟ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถดำเนินงานได้อย่างปลอดภัย การใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ (Breathing Apparatus) จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการระบายอากาศไม่เพียงพอหรือไม่สามารถทำได้
อุปกรณ์ช่วยหายใจหลักที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ SCBA (Self-Contained Breathing Apparatus)และ Air-Line Supply ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่น จุดด้อย และความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันไป บทความนี้จะวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณลักษณะของทั้งสองประเภท พร้อมทั้งให้แนวทางในการเลือกใช้งานอย่างเหมาะสม
ทำความรู้จักอุปกรณ์ช่วยหายใจในพื้นที่อับอากาศ
1. SCBA (Self-Contained Breathing Apparatus)
SCBA คือ อุปกรณ์ช่วยหายใจแบบพกพาที่มีถังอากาศอัดความดันสูงติดตัวไปกับผู้สวมใส่ โดยจะมีสายต่อจากถังไปยังหน้ากากครอบหน้า เพื่อส่งอากาศหายใจเข้าไปยังปอดของผู้ใช้งาน
ข้อดีของ SCBA
-
ให้ความคล่องตัวสูง สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ
-
ไม่ต้องพึ่งพาแหล่งอากาศภายนอก
-
เหมาะกับสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ท่อส่งอากาศเข้าไปได้
ข้อจำกัด
-
เวลาการใช้งานจำกัดตามความจุของถัง (โดยเฉลี่ย 30-60 นาที)
-
มีน้ำหนักมาก อาจทำให้เหนื่อยล้าหากต้องใช้งานนาน
2. Air-Line Supply
Air-Line Supply หรือ Supplied-Air Respirator (SAR) แบบใช้สายต่อ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งอากาศบริสุทธิ์ผ่านท่อ โดยอากาศจะถูกจ่ายผ่านท่อเข้าสู่หน้ากากที่ผู้ใช้งานสวมใส่
ข้อดีของ Air-Line Supply
-
ใช้งานได้นานอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่แหล่งอากาศยังทำงาน
-
น้ำหนักเบากว่า SCBA เพราะไม่มีถังอากาศติดตัว
-
เหมาะกับการทำงานที่ใช้เวลานาน เช่น การบำรุงรักษา การทำความสะอาดภายในถัง
ข้อจำกัด
-
พื้นที่เคลื่อนไหวจำกัดตามความยาวของท่อ
-
ท่ออาจพันหรือขัดข้องได้ หากไม่ดูแลอย่างเหมาะสม
-
ไม่เหมาะกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องการความคล่องตัว
เปรียบเทียบการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ
ลักษณะพื้นที่/สถานการณ์ | คำแนะนำในการเลือก | เหตุผล |
---|---|---|
ถังลึกหรือถังเก็บสารเคมี | Air-Line Supply | เหมาะกับงานที่ต้องใช้เวลานาน และไม่ต้องเคลื่อนไหวมาก |
ท่อยาวหรืออุโมงค์แคบ | SCBA | ต้องการความคล่องตัวสูงในการเคลื่อนที่ไปตามแนวท่อ |
ห้องปิดแน่น ไม่มีทางออกฉุกเฉิน | SCBA | หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะต้องหนีออกอย่างรวดเร็ว |
งานซ่อมบำรุงในพื้นที่โล่งแต่มีสารพิษปนเปื้อน | Air-Line Supply | ให้การป้องกันที่ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องพกน้ำหนักเพิ่มเติม |
เหตุการณ์กู้ภัยในที่อับอากาศ | SCBA | ผู้กู้ภัยต้องเคลื่อนที่เร็ว มีเวลาจำกัดในการช่วยเหลือ |
ไม่ว่าจะเลือก SCBA หรือ Air-Line Supply สิ่งสำคัญที่สุด คือการฝึกใช้งานจริง เพราะในสถานการณ์ฉุกเฉิน การรู้วิธีใส่ ถอด ตรวจสอบ และตอบสนองอย่างถูกต้อง จะช่วยชีวิตผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศได้อย่างแท้จริง ทำให้ผู้ที่จะทำงานในที่อับอากาศ ต้องผ่านการอบรมความปลอดภัยที่อับอากาศ ก่อนถึงจะทำงานได้ตามข้อกำหนดกฎหมาย
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกอุปกรณ์
1. ระยะเวลาที่ต้องอยู่ในพื้นที่อับอากาศ
- หากงานใช้เวลานาน > 1 ชั่วโมง → แนะนำ Air-Line Supply
- หากเป็นงานเร่งด่วน หรือไม่แน่ใจเวลา → เลือก SCBA
2. ความซับซ้อนของพื้นที่
- พื้นที่มีทางเดินคดเคี้ยว แคบ หรือมีสิ่งกีดขวาง → SCBA เหมาะกว่า
- พื้นที่โล่ง ไม่มีอุปสรรคมาก → ใช้ Air-Line ได้สะดวก
3. ความสามารถในการจัดการอุปกรณ์
- หากมีทีมดูแลอุปกรณ์ มีปั๊มลม และระบบกรองอากาศที่เชื่อถือได้ → Air-Line Supply คือทางเลือกประหยัดระยะยาว
- หากไม่มีระบบสนับสนุน → SCBA จัดเก็บง่าย เคลื่อนที่สะดวก
4. สภาพความพร้อมของผู้ใช้งาน
- ผู้ที่มีประสบการณ์ ใช้อุปกรณ์เป็น → ใช้ได้ทั้งสองแบบ
- ผู้ที่เพิ่งผ่านการอบรม → เริ่มจาก SCBA ที่ใช้ง่ายกว่าในสถานการณ์ฉุกเฉิน
มาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอุปกรณ์หายใจ
ทั้ง SCBA และ Air-Line Supply ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดโดยองค์กรความปลอดภัยระดับสากล เช่น
-
NIOSH (National Institute for Occupational Safety and Health)
มาตรฐาน NIOSH กำหนดประเภทและระดับของอุปกรณ์หายใจตามการใช้งาน -
NFPA 1981 สำหรับ SCBA ที่ใช้ในงานดับเพลิง
-
OSHA 29 CFR 1910.134 กำหนดการฝึกอบรม การตรวจสอบ และการดูแลรักษาอุปกรณ์ช่วยหายใจ
-
ANSI Z88.2 แนวทางในการเลือกใช้อุปกรณ์หายใจ
การใช้งานในพื้นที่อับอากาศในประเทศไทย ยังต้องเป็นไปตามประกาศของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เช่น
-
ประกาศเรื่อง “ความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ” ซึ่งกำหนดให้นายจ้างต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
-
ต้องมีแผนเผชิญเหตุ และการซ้อมแผนกู้ชีพ-กู้ภัยอย่างสม่ำเสมอ
ข้อควรระวังในการใช้งาน
-
ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งานทุกครั้ง
-
ฝึกซ้อมการใช้งานกับสถานการณ์จำลอง
-
ดูแลรักษาอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งานเสมอ
-
ห้ามใช้ Air-Line Supply หากมีความเสี่ยงที่แหล่งอากาศอาจถูกปนเปื้อน
สรุป
การเลือกใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจที่เหมาะสมในพื้นที่อับอากาศ ไม่ใช่เพียงการเลือกจากความสะดวกสบายหรือราคา แต่ต้องพิจารณาจากความปลอดภัยเป็นหลัก โดยต้องประเมินจากสภาพพื้นที่ ลักษณะงาน และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน
-
หากต้องการ ความคล่องตัวและความพร้อมในการเคลื่อนที่ – SCBA คือ คำตอบ
-
หากต้องการ การทำงานต่อเนื่องระยะยาวโดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อย – Air-Line Supply คือ ทางเลือก
แม้ว่าอุปกรณ์ทั้งสองจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกอบรมผู้ใช้งานให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถใช้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ทุกชีวิตปลอดภัยกลับบ้านในทุกวัน
อ้างอิง
-
National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH). (2020). Respirator Trusted-Source Information.
-
Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (2021). Respiratory Protection Standard 29 CFR 1910.134.
-
American National Standards Institute (ANSI). (2015). ANSI Z88.2 – Practices for Respiratory Protection.
-
NFPA 1981. (2018). Standard on Open-Circuit Self-Contained Breathing Apparatus (SCBA) for Emergency Services.
-
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2564). ประกาศเรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ.
-
Dräger. (n.d.). SCBA vs Airline Breathing Apparatus: Which is Best?
บทความที่น่าสนใจ
- ความต่าง Risk Assessment กับ JSA เครื่องมือบริหารความเสี่ยงในงาน
- เปรียบเทียบเครื่องตรวจวัดก๊าซ Single Gas กับ Multi-Gas
- ค่า KPI คืออะไร รู้จักตัวชี้วัดที่ช่วยลดอุบัติเหตุในองค์กร